Download App

Chapter 83: ภาคต่อตอนที่ 28 ลางสังหรณ์ที่แม่นยำ  

เรือนรับรองจวนนายอำเภอชิงไห่

"ท่านแม่ ข้าอยากไปหาพี่ธิดาสวรรค์ขอรับ"หม่าเทียนจิ้น เด็กชายวัยสิบขวบปีอยู่ในอาภรณ์สีขาว เกล้าผมสูงเก็บเรียบร้อย ใบหน้าสะอาดสะอ้านผิดกับเมื่อยามวานลิบลับเอ่ยขอหม่าฮูหยินที่นั่งข้างเตียง ดูหม่าเทียนอี้สามีดื่มยาแก้อาการบอบช้ำภายใน

"พี่ใหญ่ ข้าก็อยากไปกับท่านด้วย"หม่าเทียนเซิง แฝดผู้น้องในอาภรณ์แบบเดียวกันเอ่ยขึ้นบ้าง ใบหน้าที่คล้ายคลึงกันถึงเก้าส่วนทำให้บิดามารดาและบ่าวรับใช้ปวดหัว เรียกผิดเรียกถูกอยู่บ่อยครั้ง

เด็กชายน้อยทั้งสองไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อยามวาน แต่ได้ยินได้ฟังจากชาวบ้านคุยกันว่า ผู้ที่จัดการโจรถ่อยเสียอยู่หมัดคือ พี่ธิดาสวรรค์ผู้มีชื่อเสียงคนนั้น เมื่อวานค่อนข้างฉุกละหุกทำให้เด็กน้อยทั้งสองไม่ทันได้กล่าวขอบคุณ วันนี้จึงคิดจะไปขอบคุณและไปเล่นกับสี่สหายน้อยด้วย

"จิ้นเอ๋อร์ เซิงเอ๋อร์ ยามนี้ยังไม่ใคร่ปลอดภัยนัก อดทนรออีกสักพักเถิด"หม่าฮูหยินกล่าวกับบุตรทั้งสองน้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งนัก

"แค่กๆ แม่เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว พวกเจ้าก็อย่าเซ้าซี้อีกเลย"หม่าเทียนอี้กล่าวตำหนิบุตรทั้งสองเสียงแหบพร่าอ่อนแรง

"ทราบแล้วขอรับ"เด็กน้อยก้มหน้าตอบเสียงอ่อย ฮูหยินหม่าเห็นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ เงยหน้าจะช่วยพูดแทนบุตรแต่พอเห็นอาการส่ายหน้าเชิงปฏิเสธของสามีจึงทำได้เพียงถอนใจ

"นายท่าน ฮูหยิน ท่านแม่ทัพมู่มาเยี่ยมเจ้าค่ะ"สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามารายงาน

"แค่กๆ รีบเชิญเข้ามาเร็วเข้า!"หม่าเทียนอี้ตลบผ้าห่มที่คลุมเอวออก เตรียมลุกขึ้นมาต้อนรับทั้งที่ยังบอบช้ำอยู่มาก โดยมีฮูหยินหม่าช่วยประคองด้วยใบหน้าเป็นห่วง "ทำตัวตามสบายเถิดนายอำเภอหม่า ข้าเพียงแวะมาเยี่ยมและพูดคุยเล็กน้อยก็จะไป"มู่หลิ่งเหวินยกมือห้ามเมื่อเห็นอีกฝ่ายจะลุกจากเตียงมาต้อนรับตน

"ฮูหยิน เจ้าพาจิ้นเอ๋อร์ เซิงเอ๋อร์ออกไปก่อน อย่าให้ใครรบกวนเด็ดขาด"แม้เสียงจะแหบแห้งแต่ยังคงเด็ดขาดไม่เปลี่ยนทำให้ฮูหยินหม่ารีบทำตามคำสั่ง

"ขออภัยท่านแม่ทัพมู่ที่เสียมารยาท..แค่กๆ"หม่าเทียนอี้ประสานมือค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม ก่อนจะไอออกมาเบาๆ หมายเลขหนึ่งจึงรินชาอุ่นส่งให้ หม่าเทียนอี้รับไปจิบครั้งสองครั้งแล้วส่งคืนพร้อมกับค้อมศีรษะขอบคุณ

"มิได้..แล้วอาการท่านเป็นเช่นไรบ้าง?"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ หลังจากนั่งเก้าอี้ที่หมายเลขหนึ่งนำมาให้

"ผู้น้อยดีขึ้นมากแล้ว ขออภัยที่ทำให้ท่านแม่ทัพเป็นห่วง"หม่าเทียนอี้ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ในใจตื้นตันและชื่นชมในความอ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นกันเองของบุรุษอ่อนวัยกว่าผู้นี้นัก หม่าเทียนอี้เป็นเพียงขุนนางเล็กๆชั้นปลายแถว ไม่เคยถูกปฏิบัติอย่างให้เกียรติจากผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เพียงแค่คำว่า ท่าน ที่แม่ทัพหนุ่มใช้กับหม่าเทียนอี้ ก็ทำให้ทัศนะคติที่มีต่อบุรุษผู้นี้เปลี่ยนไป

"พูดตามสบายเถิด ท่านคงรู้ ว่าข้ามาพบท่านด้วยเรื่องอันใด?"ถามเข้าประเด็นด้วยไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา

"เรื่องที่ซ่อนคลังอาวุธใช่หรือไม่?"แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ

"ข้าเก็บงำเรื่องนี้มานับสิบปี เพราะเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ แค่กๆ"

"นอกจากท่านแล้วยังมีผู้ใดล่วงรู้ความลับนี้บ้าง?"

"ไม่มี จนกระทั่ง..."หม่าเทียนอี้ส่ายหน้าพลางกล่าว

"จนกระทั่ง ชิงไห่และพื้นที่ใกล้เคียงเกิดภัยแล้งอย่างหนัก ฝนทิ้งช่วงติดต่อกันเป็นปีที่สาม?"

"ขอรับ ข้าพยายามอย่างหนัก คิดจนหัวแทบระเบิดก็ไม่อาจหาหนทางแก้ไขได้ อีกทางก็ส่งเรื่องร้อนเรียนและขอความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองชานตง แต่....เฮ้อ... "

"เงียบหายราวกับทิ้งหินลงบ่อ"

"ขอรับ ข้าไม่อาจทนเห็นชาวบ้านเดือดร้อนได้อีก จึงเขียนฎีกาส่งไปยังวังหลวงให้ฝ่าบาททรงพิจารณา แต่ใครจะไปนึกว่า ฎีกากลับถูกช่วงชิงไประหว่างทางที่เมืองชานตง ตอนแรกข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด จนเมื่อไม่นานมานี้ ข้าบังเอิญไปได้ยินเลขาซ่งแอบนัดแนะพูดคุยกับใครบางคนเข้า จนได้รู้ความจริง ว่าแท้จริงแล้วคนชั่วที่อยู่เบื้องหลังคือ เจ้าเมืองหานซือเฉิง! แค่กๆ"

"คงมิใช่ฎีกาธรรมดาทั่วไปกระมัง?"แม่ทัพหนุ่มถาม

"ถูกต้อง เพราะเนื้อหาฎีกาฉบับนั้น นอกจากเล่าถึงความทุกข์เข็ญของชาวบ้านแล้ว ข้ายังได้เขียนถึงคลังอาวุธที่เก็บซ่อนในชิงไห่นี้ หวังให้ฝ่าบาทสนพระทัย"

"หากฝ่าบาทได้ทอดพระเนตร ย่อมสนพระทัยอย่างแน่นอน"แม่ทัพหนุ่มตอบด้วยความมั่นใจ อาวุธเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญต่อการทำศึกสงคราม ซ้ำยังต้องใช้เงินทองจำนวนมหา ศาลในการผลิตอาวุธเหล่านี้ หากมีคลังอาวุธดังที่ชายผู้นี้กล่าวจริง นอกจากฝ่าบาทจะทรงสนพระทัยแล้ว อาจจะเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยองค์เองก็เป็นได้ นับว่าเป็นบุรุษที่ฉลาดเฉลียวดูแคลนไม่ได้เลยทีเดียว

"ข้าก็คิดเช่นนั้น หลังจากได้รู้ความจริง ข้าจึงคิดจะเรียกเลขาซ่งมาคุยเป็นการส่วนตัว แต่เลขาซ่งกลับหลบหนีไปเสียก่อน ต่อมาไม่นานโจรถ่อยก็บุกยึดชิงไห่ จับข้าและชาวบ้านเป็นตัวประกัน แค่กๆ"หม่าเทียนอี้หยุดไอครู่หนึ่งแล้วจึงเล่าต่อ

"พวกมันบังคับขู่เข็ญข้าสารพัด ถึงที่ซ่อนคลังอาวุธ แต่ข้าไม่ยินยอม แล้วฮูหยินน้อยก็เข้ามาช่วยได้ทันเวลาพอดี ไม่เช่นนั้นแล้ว...ข้าและชาวบ้านคง....."หม่าเทียนอี้ก้มหน้าลง สองมือที่วางอยู่บนท่อนขากำแน่นจนเห็นข้อกระดูกปูดโปน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเจ็บใจ เมื่อนึกถึงทหารและชาวบ้านที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม โดยที่ตนไม่อาจปกป้องได้

"เหตุการณ์ก็ผ่านไปแล้ว ท่านก็อย่ากล่าวโทษตนเองไป"แม่ทัพหนุ่มกล่าวปลอบสั้นๆ "ข้าต้องขอบคุณท่านแทนฝ่าบาทมากว่า ที่ยอมตายดีกว่าเปิดเผยที่ซ่อนคลังอาวุธ เพราะหากอาวุธตกไปอยู่ในมือคนชั่วที่ต้องการอำนาจ อาจไม่เป็นผลดีต่อแคว้นฉีเราในภายหน้าก็เป็นได้"แม่ทัพหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงยกมือประสานกันแล้วค้อมศีรษะคำนับ แล้วจึงกล่าวกับนายอำเภอหม่า

"อา..แม่ทัพมู่ หม่าเทียนอี้เป็นเพียงขุนนางต่ำต้อย ไม่ควรให้ท่านทำเช่นนี้"หม่าเทียนอี้กล่าวแย้ง พร้อมกับรีบประสานมือก้มศีรษะคำนับตอบประหลกๆ

"ยศตำแหน่งหาสำคัญไม่ ยามนี้ข้าเพียงคำนับขอบคุณบุรุษที่มากด้วยคุณธรรมความดี ทำเพื่อบ้านเมืองปกป้องชาวบ้าน มีสิ่งใดไม่ถูกต้องกัน?" หม่าเทียนอี้ได้ยินถึงกับน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ

"ท่านพักผ่อนเถิด ข้าต้องไปแล้ว ขออภัยที่มารบกวน"แม่ทัพหนุ่มประสานมือให้อีกฝ่าย แล้วจึงหมุนกายเดินออกไปด้วยท่วงท่าสง่างาม

โดยมีสายตาล้ำลึกของหม่าเทียนอี้มองส่งจนลับสายตา ดวงตามีแววครุ่นคิด เหตุใดจึงไม่เอ่ยปากถามถึงที่ซ่อนคลังอาวุธ?หรือว่าเขาจะรู้ว่าข้ายังไม่ไว้ใจเขาใช่หรือไม่?

--------------

"ท่านแม่ทัพ ท่านจะจากไปเช่นนี้จริงหรือขอรับ?"หมายเลขหนึ่งเอ่ยถามผู้เป็นนาย ขณะที่ใช้วิชาตัวเบาตามผู้เป็นนายกลับไปยังจุดเดิม

"ผลีผลามไปอาจเสียงานใหญ่"คำพูดและการกระทำของหม่าเทียนอี้ บ่งบอกถึงความระแวดระวัง หากถามถึงที่ซ่อนในยามนี้ย่อมบ่ายเบี่ยงเป็นแน่ เช่นนั้นก็ให้เวลาอีกฝ่ายได้ใคร่ครวญไตร่ตรองย่อมดีกว่าหักหาญเอาคำตอบ

-----------

สองวันต่อมาขบวนคลังเสบียงหลวง นำโดยองครักษ์ทั้งสี่และทหารคุ้มกันอีกจำนวนหนึ่ง เดินทางมาถึงอำเภอชิงไห่ยังความยินดีปรีดาแก่ทุกคนโดยเฉพาะชาวอำเภอชิงไห่

"ฮูหยินน้อย ฮูหยินน้อยของบ่าว บ่าวคิดถึงท่านเหลือเกินเจ้าค่ะ"เสี่ยวอี้และเสี่ยวสุ่ย สองสาวใช้คนสนิทคุกเข่าซบแก้มกับต้นขาของฮูหยินน้อยด้วยน้ำตานองหน้า

"ข้าก็คิดถึงพวกเจ้า การเดินทางเป็นอย่างไร? ลำบากมากหรือไม่?"มือเรียวตบบ่าสาวใช้ทั้งสองเบาๆปลอบโยน

"ราบรื่นไร้อุปสรรคเลยเจ้าค่ะ พี่ซาน พี่ซื่อ ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี อุ๊ย..."เสี่ยวสุ่ยเงยหน้าตอบแบบไม่ทันคิด ก่อนจะชะงักยกมือปิดปากตนเองเมื่อคิดได้ว่ากล่าวเรื่องน่าอายไปเสียแล้ว ใบหน้าน่ารักแดงก่ำและก้มมองตักของฮูหยินน้อยแทน

"พี่ซาน? พี่ซื่อ? นี่สนิทถึงขั้นเรียกชื่อกันแล้วหรือ?"ได้โอกาสกล่าวแซวสาวใช้ทั้งสองเสียงสูงคล้ายประหลาดใจเสียเต็มประดา

"ฮูหยินน้อยละก็....ข้าไปเตรียมน้ำอาบให้ท่านดีกว่า"เสี่ยวสุ่ยที่รู้ว่าพลาดไปเสียแล้ว ตั้งท่าจะหนีเอาตัวรอด แต่ถูกเสี่ยวอี้พี่สาวคว้าหมับที่ข้อมือ ทั้งยังส่งสายตาห้ามปรามว่า อย่าทิ้งข้าเด็ดขาด มาให้นางจึงได้แต่จำใจนั่งอยู่ที่เดิม

"มาๆ มานั่งนี่เถิด แล้วเล่ามาให้ละเอียด"ชิงหลินกุมมือของทั้งสอง ย้ายจากเตียงนอนมานั่งที่โต๊ะที่ตั้งอยู่ในห้องนอนแทน สองสาวใช้ตั้งท่าจะคุกเข่านั่งกับพื้นแต่ถูกนายสาวบังคับให้นั่งเก้าอี้เบื้องหน้านาง

สองสาวใช้เหลือบตาขึ้นบนอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วต้องรีบหลุบตาก้มหน้าต่ำกว่าเดิม มือไม้พันกันวุ่นวาย ใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าผลอิงเถา เห็นแล้วต่อมอยากแกล้งของชิงหลินก็เริ่มทำงานทันที

"เสี่ยวสุ่ย"

"อุ๊ย..จะเจ้าคะฮูหยินน้อย"เสี่ยวสุ่ยสะดุ้งโหยงตอบรับตะกุกตะกัก

"เล่ามาซิ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ขอแบบละเอียดห้ามตกหล่นแม้เพียงครึ่งคำ ไม่เช่นนั้นข้าจะลงทัณฑ์เจ้า"นางแสร้งทำเสียงเข้มดุ จึงได้เห็นใบหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้ของทั้งสอง

"ขะข้าไม่รู้จะเริ่มเล่าอย่างไรดีเจ้าค่ะ?"เสี่ยวสุ่ยพูดไปบิดมือตนเองไป ชำเลืองมองพี่สาวอย่างขอความช่วยเหลือ แต่พี่สาวนางกลับทำเป็นมองไม่เห็นเสียนี่

"เสี่ยวอี้"

"เจ้าค่ะฮูหยินน้อย"ถึงคราวเสี่ยวอี้สะดุ้งบ้าง กลืนน้ำลายอึกหนึ่งแล้วขานรับด้วยน้ำเสียงที่คิดว่ามั่นคงที่สุด เงยหน้าสบตานายสาวครั้นเห็นประกายตาพราวระยับเต็มไปด้วยความรื่นเริงก็ทำให้เสี่ยวอี้ ถึงกับโอดครวญในใจ

"เหตุการณ์ไม่มีอันใดมาก เพียงแต่ท่านองครักษ์ทั้งสองเห็นว่า เป็นคนกันเอง บอกให้ข้าและเสี่ยวสุ่ยเรียกเช่นนั้นเจ้าค่ะ"คำตอบแบบรวบรัดตัดตอนของเสี่ยวอี้ ทำเอาชิงหลินแอบยิ้ม ก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติ

"เอ๊..แล้วจิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อเล่า ขอให้เรียกพี่อี้ พี้เอ้อหรือไม่?"แสร้งทำเสียงยานคาง ถามสาวใช้ตรงหน้าแบบไม่เจาะจง

"...มะมะมิได้เจ้าค่ะ"เสี่ยวอี้ตอบเสียงเบาหวิวราวกับลมพัดผ่าน ก้มหน้าต่ำจนคางติดอก สองมือบิดกันไปมาวุ่นวาย โธ่....ฮูหยินน้อย...โปรดหยุดซักถามเสียทีเถิดเจ้าค่ะ

"อ๊า...ข้าเข้าใจแล้ว! เรื่องเป็นเช่นนี้เอง เสี่ยวสุ่ย"ตบเข่าตัวเองพลางเรียกชื่อสาวใช้

"จะเจ้าคะ"เสี่ยวสุ่ยสะดุ้งวูบเงยหน้าขานรับด้วยใบหน้าสงสัย

"เจ้าแอบพึงใจจิ๋นซานอยู่ใช่หรือไม่?"

"ไม่ใช่นะเจ้าคะ! เป็นพี่เสี่ยวอี้ต่างหาก อุ๊บ..."เสี่ยวสุ่ยรีบยกมือสองข้างขึ้นมาปิดปากตัวเอง พลางคิดในใจว่าแย่แล้วๆข้าหลงกลฮูหยินน้อยอีกแล้ว

"อ้อ..เช่นนั้นคนที่เจ้าแอบพึงใจก็คงเป็นจิ๋นซื่อสินะ ข้าพูดถูกหรือไม่?"พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้สาวใช้ทั้งสอง ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์

หากจะเค้นเอาความจริงเสี่ยวสุ่ยเหมาะที่สุด เพราะเป็นคนที่ความคิดตื้นเขิน หลงกลคนอื่นง่าย ผิดกับเสี่ยวอี้ ที่ค่อนข้างสุขุม มีไหวพริบ รู้จักพลิกแพลงสถานการณ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกันก็คือ รักฮูหยินน้อยมากกว่าชีวิตของตนเอง

เสี่ยวอี้ถอนใจอย่างระอากับความรีบร้อน ร้อนรนจนเผยออกมาทุกสิ่งของผู้เป็นน้องสาว เห็นทีคราวนี้ ได้ถูกฮูหยินน้อยล้อเลียนไม่รู้จบเป็นแน่ คิดแล้วก็ให้ทอดถอนใจออกมาอีกครั้ง

----------------

ทางด้านแม่ทัพหนุ่มมู่หลิ่งเหวิน นายอำเภอหม่าเทียนอี้ พร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสี่ กำลังดูการแจกจ่ายเสบียงหลวงให้แก่ชาวบ้านผู้ประสบภัยที่เพิ่มมากขึ้นกว่าหลายร้อยชีวิต ในช่วงเวลาไม่ถึงห้าวัน

ชาวบ้านเหล่านั้นล้วนเป็นชาวชิงไห่ ที่อพยพไปอาศัยกับญาติซึ่งอยู่หมู่บ้านห่างไกลจากผลกระทบนี้ เมื่อได้ทราบข่าวว่าทางการนำเสบียงมาแจกก็รีบเร่งเดินทางกลับมายังบ้านเกิดของตนด้วยความปลาบปลื้มยินดี และอยากจะยลโฉมธิดาสวรรค์สักครั้ง

ฝ่ายชิงหลินไม่รู้ตัวเลยว่า ชื่อเสียงของตนได้ขจรขจายไปอย่างรวดเร็วอย่างกับไฟลามทุ่ง แคว้นเล็กแคว้นใหญ่ต่างพูดถึงเรื่อง ธิดาสวรรค์ ผู้งดงามเพียบพร้อมทั้งความสามารถและพลังพิเศษ ควบคุมเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ดังใจ รู้ถึงแหล่งต้นน้ำใต้ดินช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งให้ชาวบ้านได้

เท่านั้นยังไม่พอ สี่สหายน้อยของนางก็ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสี่สัตว์เทพผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย รวมถึงหงส์เพลิงที่ปรากฏเพียงครั้งเดียว แต่การปรากฏตัวที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามนั้นก็เพียงพอให้ถูกกล่าวขานแล้ว

หลังจากแจกจ่ายเสบียงแล้วเสร็จ ชาวบ้านต่างเดินกลับบ้านด้วยความผิดหวัง เพราะนอกจากมารับเสบียงแล้ว พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ยลโฉมธิดาสวรรค์ของท่านแม่ทัพสักครั้ง

ห้องทำงานของนายอำเภอชิงไห่

"การขุดคูคลองอีกสองวันก็น่าจะแล้วเสร็จขอรับ"หมายเลขหนึ่งยืนกล่าวรายงานท่านแม่ทัพที่นั่งตรงตำแหน่งประธาน

"ดี เตรียมตัวกลับเมืองหลวงภายในสามวัน"มู่หลิ่งเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

"เอ่อ...ก่อนกลับข้าขอเลี้ยงอาหารขอบคุณซักมื้อได้หรือไม่ขอรับ?"นายอำเภอหม่าเทียนอี้เอ่ยถามท่าทีนอบน้อม แม้จะยังไม่ใคร่แข็งแรงจากอาการบอบช้ำแต่หม่าเทียนอี้ก็หาใส่ใจไม่

"หากเป็นในยามปกติ ข้าคงรับไว้ด้วยความยินดียิ่ง ไว้มีโอกาสข้าจะมาเป็นแขกของท่านดีหรือไม่?"กล่าวปฏิเสธอย่างนุ่มนวลยั้งไมตรี

"ข้าจดจำไว้แล้ว"หม่าเทียนอี้เข้าใจเป็นอย่างดี ลอบถอนใจที่แม่ทัพหนุ่มไม่ได้บีบคั้นตนให้ลำบากใจ เพราะคำเชื้อเชิญนี้เป็นมารยาทที่พึงปฏิบัติ แม้หม่าเทียนอี้ยินดีและเต็มใจอยากจัดงานเลี้ยงขอบคุณเพียงใด แต่คงไม่อาจนำอาหารเลิศหรูมาขึ้นโต๊ะได้ นั่นไม่เท่ากับตนผิดต่อผู้มีพระคุณหรอกหรือ?

"เอ่อ...ท่านแม่ทัพ ข้ามีเรื่องที่ต้องแจ้งให้ท่านทราบ"หม่าเทียนอี้ลุกขึ้นประสานมือกล่าวเสียงจริงจังหลังความคิดตกผลึกแล้ว

"เชิญว่ามาได้"มู่หลิ่งเหวินลุกขึ้นยืนให้เกียรติอีกฝ่าย พร้อมกับผายมืออนุญาต

"เรื่องที่ซ่อนคลังอาวุธขอรับ"หม่าเทียนอี้มองซ้ายมองขวากล่าวเสียงเบา เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าตอบสีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ก็ให้นับถือในความสุขุมเยือกเย็นของแม่ทัพหนุ่มยิ่งนักสอดมือเข้าไปในอกเสื้อด้านซ้าย ดึงแผนที่ออกมากางบนโต๊ะแล้วชี้ตำแหน่งที่ซ่อนคลังอาวุธแก่แม่ทัพหนุ่มแล้วกล่าว "ที่ซ่อนคลังสมบัติอยู่ที่นี่ขอรับ"

"แล้วท่านเคยเข้าไปดูมาแล้วหรือไม่?"ถามโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แผนที่

"เรียนแม่ทัพมู่ตามตรง ข้าไม่เคยเข้าไปเพราะมีกลไกป้องกันอยู่บริเวณทางเข้าขอรับ"หม่าเทียนอี้ยิ้มตอบแห้งๆ

"หือ? แล้วท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นที่ซ่อนคลังอาวุธ หาใช่อย่างอื่น?"เงยหน้าเลิกคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ

"คราวแรกข้าก็ไม่แน่ใจ จึงได้สืบค้นจากตำรา อีกทั้งยังสอบถามผู้เฒ่าที่ยังมีชีวิตมากมายนับปี จนมั่นใจว่าเป็นที่ซ่อนคลังอาวุธของฮ่องเต้พระองค์ก่อน"หม่าเทียนอี้ยังคงใช้โทนเสียงเดิม

"ข้าจะไปดูหน่อย"หม่าเทียนอี้พยักหน้าและรีบนำทางไปยังที่ซ่อนคลังอาวุธทันที

---------------

กลับมาที่จวนพักของชิงหลินและแม่ทัพหนุ่ม นางพร้อมด้วยสองสาวใช้และสี่สหายน้อยกำลังเฝ้ารอการกลับมาของสามีอยู่

"หลินหลิน เป็นอันใดไป?"ฟานฟานน้อยเงยหัวกลมๆเล็กๆมองหลินหลินที่นั่งพิงหัวเตียง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปนอนบนตักของนาง

"อย่าห่วง ข้าไม่เป็นไร"คนถูกถามลูบหัวมันส่งยิ้มให้ทั้งที่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

"หลินหลินถอนใจอีกแล้วนะเจ้าคะ"หมั่นโถวน้อยกระโดดขึ้นมานั่งลงด้วยขาหลังหางยาวฟูขาวกระดิกไปมาอย่างน่ารัก

"เป็นห่วงเหวินเหวินใช่หรือไม่ขอรับ?"ฟงฟงน้อยกระโดดขึ้นมานั่งข้างเจ้าจิ้งจอกน้อยร้องถามอย่างมั่นใจ

"...ปิดเจ้าไม่ได้จริงๆสินะ"ชิงหลินยื่นมือลูบหัวฟงฟงน้อยตอบกลับทางจิต

"เหตุใดไม่ใช้ปราณพลังจิตดูเล่าขอรับ?ว่าเหวินเหวินกำลังทำอันใด? อาจจะแก้เบื่อได้บ้าง"เป่าเปาน้อยที่กระโดดขึ้นมานั่งข้างฟงฟงน้อยร้องบอกแก่นาง

"ข้ากำลังจะใช้อยู่พอดี พวกเจ้าเป็นเด็กดีอย่ากวนข้าเล่า"พูดจบก็หลับตาเพ่งสมาธิไปที่ห้องทำงานของนายอำเภอหม่าเทียนอี้ ตามคำบอกเล่าของหมายเลขสามและหมายเลขสี่ ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู

แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า พวกเขาไปไหน?หรือว่าจะไปดูชาวบ้านขุดคูคลอง? เมื่อลองเปลี่ยนเป้าหมายเพ่งจิตไปที่ท้ายหมู่บ้านก็เห็นชาวบ้าน ทหาร รวมถึงนักโทษกำลังขุดดินกันอย่างแข็งขัน กระนั้นก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสามี แท้จริงแล้วเขาไปอยู่ที่ไหนกันแน่?

ชิงหลินลืมตาขึ้นพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น ปากห่อยู่เล่นเอาสี่สหายน้อยเอียงหัวมองด้วยความประหลาดใจ เพราะหลินหลินไม่ใคร่ทำหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้บ่อยนัก

"หาไม่พบหรือขอรับ"เป่าเปาน้อยร้องถามเมื่อเห็นหลินหลินยังคงทำปากจู๋ไม่ยอมหยุดคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นดูเป็นกังวล

"อืม..ที่ห้องทำงานก็ไม่มี ท้ายหมู่บ้านก็ไม่มี ข้าจะขอให้ฝูงวิหคช่วยตามหา พวกเจ้าจะไปวิ่งเล่นข้างนอกก็ได้นะ"คนถูกนินทาว่าทำหน้าอัปลักษณ์เลิกทำปากห่อยู่แล้วจึงหันมาบอกสี่สหายน้อย

"ฟานฟานรับปากเจ้าคนนิสัยไม่ดีไว้แล้ว ว่าจะอยู่ปกป้องหลินหลิน"เจ้าพยัคฆ์น้อยเชิดหัวขึ้นตอบเสียงดังฟังชัด

"ใช่ขอรับ/ใช่เจ้าค่ะ"อีกสามตัวผงกหัวขึ้นลงตอบอย่างพร้อมเพรียง

"ตามใจ แต่อย่ารบกวนข้าเด็ดขาด เข้าใจรึไม่?"สี่สหายน้อยรีบรับปากด้วยการผงกหัวขึ้นลงถี่ๆ ทำเอาชิงหลินอดยิ้มไม่ได้กับภาพความน่ารักน่าเอ็นดูจนอยากจะจับมาฟัดเรียงตัวให้หายหมั่นเขี้ยว

จากนั้นจึงหลับตาลงเพ่งจิตถึงวิหคที่อยู่ในรัศมียี่สิบลี้ช่วยตามหากลุ่มของสามี เพียงไม่นานก็ได้รู้ว่า สามีพร้อมสี่องครักษ์และนายอำเภอหม่าเทียนอี้ กำลังควบม้ามุ่งหน้าไปยังที่แห่งหนึ่งอย่างเร่งรีบ

จะไปไหนของเขา? แต่มีองครักษ์ทั้งสี่ไปด้วยคงไม่เป็นไร ให้วิหคช่วยสะกดรอยตามไปดูก็น่าจะพอ

"หลินหลิน เป็นอย่างไร?พบหรือไม่?"ฟานฟานน้อยร้องถามทันทีที่เห็นนางลืมตา

"อืม...เห็นควบม้าไปทางภูเขาที่ห่างไปราวสิบลี้ ไม่รู้ว่าไปทำอะไร? แต่ช่างเถิด เดี๋ยวก็คงกลับมา"กล่าวพลางถอนใจยาว

ทันใดนั้น มีวิหคตัวหนึ่งบินเข้ามาในห้อง แล้วส่งเสียงร้องแคว้กๆ สร้างความงุนงงแก่นางวูบหนึ่งจากนั้นก็รีบยื่นแขนออกไปด้านข้าง

"แคว้กๆ"พิราบขาวบินลงมาเกาะที่แขนเรียวก่อนจะเดินมาเกาะที่หัวไหล่ของนางแล้วร้องว่า "เหวินเหวินแย่แล้วเจ้าค่ะ"

"เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือ?"นางผุดลุกขึ้นถามใบหน้าจิ้มลิ้มซีดเผือด

"เหวินเหวินและคนอื่นๆติดอยู่ในถ้ำ ออกมาไม่ได้เจ้าค่ะ!!"


Load failed, please RETRY

Weekly Power Status

Rank -- Power Ranking
Stone -- Power stone

Batch unlock chapters

Table of Contents

Display Options

Background

Font

Size

Chapter comments

Write a review Reading Status: C83
Fail to post. Please try again
  • Writing Quality
  • Stability of Updates
  • Story Development
  • Character Design
  • World Background

The total score 0.0

Review posted successfully! Read more reviews
Vote with Power Stone
Rank NO.-- Power Ranking
Stone -- Power Stone
Report inappropriate content
error Tip

Report abuse

Paragraph comments

Login